- ใช้บัตรเดบิต ttb all free เที่ยวต่างประเทศไม่มีความเสี่ยงแปลงสกุลเงินเพิ่มเติม เพียงชำระเป็นสกุลเงินประเทศนั้นๆ
- บัญชีเงินฝากและบัตรเดบิต ttb all free ได้รับประกันภัยการเดินทางฟรี คุ้มครองอุบัติเหตุสูงสุด 2 ล้านบาท
บัตรเดบิต ใช้ต่างประเทศได้ไหม
เที่ยวต่างประเทศ หลายคนอาจมีความกังวลกับการพกพาเงินสดไปจำนวนมากๆ ทั้งกลัวหล่นหายระหว่างเดินทาง พะวงว่าจะพกเงินสดไปไม่พอ บัตรเดบิตที่มีเครื่องหมาย Visaจึงเป็นทางเลือกอันดับแรกๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ใช้จ่ายต่างประเทศได้อย่างคล่องตัว รูดซื้อสินค้าได้ทุกร้านค้าที่มีเครื่องหมาย Visa แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมเช็กเรื่องของค่าธรรมเนียมกดเงินต่างประเทศ ซึ่ง บัตรเดบิต ttb all free มีค่าธรรมเนียมกดเงินต่างประเทศอยู่ที่ 75 บาทต่อครั้งและจำกัดการกดเงินสดทั่วโลกไว้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อบัตรต่อวัน
เปรียบเทียบข้อดี บัตรเดบิต กับ บัตรเครดิต ใช้ต่างประเทศ
วางแผนเที่ยวสักทริป เรื่องเงินเป็นเรื่องมองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะการเที่ยวต่างประเทศที่ใช้สกุลเงินต่างออกไป หลายคนจึงมีคำถามว่าควรจะใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตดี ซึ่งทั้งสองบัตรก็มีข้อดีต่างกันออกไปอธิบายความแตกต่างระหว่างการใช้บัตรเดบิตและบัตรเครดิตเที่ยวต่างประเทศ มีข้อดีที่ไม่เหมือนกันอย่างไร
ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน (FX Rate)
สิ่งที่ขาช้อปและชาวทริปทุกคนต้องรู้ก่อนใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตรูดจ่ายเมื่อเที่ยวต่างประเทศคือ ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน (FX Rate) ซึ่งหมายถึง ค่าธรรมเนียมความเสี่ยงในการแลกเงิน โดยส่วนใหญ่ธนาคารก็จะคิดอยู่ที่ 2 - 2.5% ทั้งนี้ก็เพราะแต่ละสกุลเงินมีค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อเราใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศ ยอดรูดจะถูกแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์ก่อนจะคูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอีกที
ยกตัวอย่างเหตุการณ์เช่น
- ใช้บัตรเครดิตที่ญี่ปุ่นรูดซื้อ 10,000 JPY เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์จะเท่ากับ 70.69 USD
- นำ 70.69 USD คูณให้เป็นเงินบาทอีกทีจะได้เท่ากับ 2,454.22 THB (ตามเรทเงินในช่วงนี้)
- ถ้าไม่อยากยุ่งยากคิดเองก็สามารถนำยอดรูดไปคิดกับ Visa Card ได้เลย
- หากอยากรู้ว่า ถูกบวกเพิ่มค่ารูดต่างประเทศเท่าไหร่ให้ นำยอด 2454.22 THB คูณด้วยค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน (FX) ทั่วไป 2.5% จะได้ว่า 2454.22 x 2.5% = 61.3 บาท
- รวมแล้ว ยอดทั้งหมดที่ต้องจ่ายบัตรเครดิต เท่ากับ ยอดรูดแปลงเป็นดอลลาร์และแปลงเป็นเงินบาท บวกด้วย ค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการแปลงเงิน จะได้ว่า 2454.22 + 61.3 = 2515.52 บาท นั่นเอง
ซึ่ง ข้อดีของการใช้บัตรเดบิต ttb all free เที่ยวต่างประเทศคือความออลล์ฟรีไม่มีคิดค่าความเสี่ยงแปลงสกุลเงินเพิ่มเติม เพียงชำระเป็นสกุลเงินประเทศนั้นๆ รูดในต่างประเทศเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น เช่น ซื้อของฝาก 10,000 เยนก็จ่ายเฉพาะยอด 2454.22 บาทที่แปลงมาแล้วได้เลย ซึ่งแปลว่าจะไม่มีชาร์จ 2.5% เพิ่มอีกแต่อย่างใด
ลิมิตในการใช้จ่าย
ไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที ไม่ว่าใครคงเผลอช้อปเพลินเกินห้ามใจได้ง่ายๆ ซึ่งการใช้จ่ายด้วยบัตรเดบิตจะช่วยให้เราคุมงบได้ดีกว่า ไม่มียอดบิลยาวเหยียดมาเรียกเก็บให้เซอร์ไพร์สกันทีหลัง เป็นการใช้ตามงบที่ตัวเองมีในบัตรเดบิตนั่นเอง ใครชอบเก็บเงินล่วงหน้าเพื่อวางแผนเที่ยว เมื่อได้ตามเป้าก็โอนมาไว้ใน บัญชี ttb all free ได้เลย เช่น เที่ยวฮ่องกงงบประหยัด 3 วัน 2 คืน 10,000 บาท ก็ไม่ห่วงเรื่องเกินงบเพราะใช้ได้เท่าที่มีในบัตรนั่นเอง แต่หากใครที่นิยมความอิสระ ตั้งใจไว้แล้วว่าจะมาเพื่อช้อปให้หนำใจ หิ้วของฝากกลับไทย ก็สามารถใช้บัตรเครดิต ได้ตามวงเงินที่มี หากยอดจ่ายสูงก็สามารถเลือกผ่อน 0% ได้เช่นกัน หรือจะเลือกจำกัดวงเงินด้วยตัวเองก็ทำได้ผ่านแอป ttb touch
รูปแบบคะแนนสะสม
การใช้บัตรเดบิตอาจไม่ได้รับคะแนนสะสม นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่หลายๆ คนนิยมใช้บัตรเครดิตเที่ยวต่างประเทศก็เพราะเป็นโอกาสเหมาะให้ได้ปั๊มคะแนนสะสม โดยเฉพาะการชอปปิงต่างประเทศที่มีอะไรให้รูดจ่ายไม่หยุด ย่ิงใช้บัตรเครดิตก็ยิ่งได้คะแนนกลับคืนเข้ากระเป๋า อย่างเช่น จะแลกคะแนนสะสมเป็นเครดิตเงินคืน แลกรับเป็นส่วนลด ไม่ต้องจ่ายในราคาเต็มเสมอไป หากสนใจว่าสะสมคะแนนกับบัตรเครดิต ttb ดีอย่างไร ก็ตามมาอ่านได้เลยที่ คะแนนสะสมบัตรเครดิต ttb แลกอะไรดีถึงคุ้ม
อัตราดอกเบี้ย จากการใช้จ่าย
จะใช้ต่างประเทศหรือใช้ในชีวิตประจำวันที่ไทย บัตรเดบิต ttb all free จะไม่มีการคิดดอกเบี้ย เพราะเงินที่ใช้จ่ายเป็นของเรา 100% ต่างจากบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายจากวงเงินที่อนุมัติให้
สิ่งหนึ่งที่คนใช้บัตรเครดิตต้องจำไว้ให้ขึ้นใจคือ การใช้บัตรเครดิตมาพร้อมความรับผิดชอบ เมื่อใช้บัตรแล้วต้องแน่ใจว่าสามารถชำระยอดรูดทั้งหมดได้เต็มจำนวนและตรงเวลา ไม่อย่างนั้นแล้วหากเลือกจ่ายขั้นต่ำ หรือไม่ยอมชำระตรงเวลา ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยวันต่อวันไปเรื่อยๆ เมื่อจ่ายช้า จ่ายไม่ตรงเวลา จ่ายขั้นต่ำ ความน่ากลัวอยู่ที่ ยอดคงค้างทั้งหมดจะถูกคูณเข้ากับอัตราดอกเบี้ย จำนวนวันที่ค้าง หารด้วย 365 วัน นอกจากสร้างภาระทางการเงินแล้วยังทำให้วงเงินที่ใช้ได้ลดลงไปด้วย ดังนั้นคนมีบัตรเครดิต ttb ต้องไม่ลืมตรวจสอบยอดใช้จ่ายของตัวเองอยู่เสมอและหากบางรายจ่ายค่อนข้างหนักหน่วงก็สามารถเลือกผ่อน 0% 3 เดือนกับแอป ttb touch ด้วยตัวเองได้เลยเพื่อความคล่องตัวทางการเงิน
สมัครบัตรเดบิต ttb all free ทำอย่างไร
อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงได้เปรียบเทียบความแตกต่างของบัตรทั้ง 2 ประเภทอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งหากสนใจสมัครบัตรเดบิต ttb all free สามารถทำได้ทันทีด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์ ttb all free ที่ไม่ว่าใครก็เปิดได้ เพียงมีอายุ 15 ปีขึ้นไป ไม่กำหนดขั้นต่ำในการเปิดปัญชีและการฝากครั้งต่อไป เมื่อเลือกทำบัตรเดบิต ออลล์ฟรี รูปแบบบัตรแข็งจะมีค่าธรรมเนียมออกบัตร 200/บาท (ไม่เกิน 5 บัตรต่อปีปฏิทิน) รายปี 250 บาท/บัตร/ปี หรือถ้าออกบัตรรูปแบบบัตรเดบิต ดิจิทอล ก็จะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอะไรเลย
ขั้นตอนหลักในการเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์ผ่านแอป ttb touch สำหรับลูกค้าใหม่
- ดาวน์โหลดแอป ttb touch ลงมือถือไว้ให้เรียบร้อย
- เปิดบัญชีโดยเลือกสมัคร แอป ttb touch
- กดยืนยันข้อตกลงและเงื่อนไข
- เลือกเปิดบัญชีเงินฝาก all free
- ใส่เลขที่บัตรประชาชน หรือเลขหนังสือเดินทาง (สำหรับชาวต่างชาติ) (กรุณาปิดสัญญาณ Wi-Fi และใช้สัญญาณ 4G/5G จากโทรศัพท์ตัวเองก่อน)
- เลือกวิธียืนยันตัวตนที่สะดวก เช่น ผ่าน 7-Eleven หรือผ่านแอปธนาคารอื่น (National Digital ID (NDID)
- กรณีเลือกวิธียืนยันตัวตน ผ่าน 7-Eleven เพียงแสดง QR Code พร้อมบัตรประชาชนที่ 7-Eleven ที่อยู่ใกล้เคียงได้เลย
- เมื่อยืนยันตัวตนสำเร็จ ระบบยืนยันเปิดบัญชี
- สามารถใช้งานบัญชีได้ทันที
การเปิดบัญชีเงินฝากและบัตรเดบิต ttb all free สามารถเปิดบัญชีได้หลากหลายช่องทางที่สะดวกไม่ว่าจะ ติดต่อที่ทีเอ็มบีธนชาต ทุกสาขา หรือ เปิดบัญชีด้วยตนเองผ่านแอป ttb touch (สำหรับลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝากกับทีทีบีอยู่แล้ว) หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ttb contact center 1428 ได้ตลอด 24 ชม.