Fed ลดดอกเบี้ย 0.5% แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจยังเติบโตได้ดี
- ผลการประชุม Fed ในวันที่ 17-18 ก.ย. 24 นับว่าออกมาค่อนข้างต่างจากที่เราและนักลงทุนบางส่วนใน Wall Street คาดการณ์ โดย Fed ลดดอกเบี้ย 0.5% (มติ 11:1 เสียง) เนื่องจากเงินเฟ้อเดินหน้าเข้าสู่เป้าหมายของ Fed ที่ 2% และโอกาสกลับมาเร่งตัวขึ้นนั้นต่ำ ขณะที่ภาคแรงงานมีโอกาสที่จะชะลอตัวลงบ้าง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ “ไม่สูง”
- ในด้านประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจครั้งใหม่ Fed ลดประมาณการ GDP ปี 2024 ลงเล็กน้อย จาก +2.1% เป็น +2.0% ขณะที่คงประมาณการ GDP ในปี 2025-2026 ไว้ที่ 2% เท่าเดิม
- ด้านอัตราการว่างงาน มีการปรับประมาณการขึ้นเป็น 4.4% ในปีนี้ ส่วนเงินเฟ้อมีการปรับประมาณการลงเข้าใกล้สู่ระดับ 2% มากขึ้น
- ที่สำคัญคือ ค่ากลาง Dot Plot ได้ปรับลงใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ โดยระบุว่า Fed จะลดดอกเบี้ยได้อีก 0.5% ในปี 2024 นี้ (คาดอีกครั้งละ 0.25% 2 ครั้ง) และจะลดอีก 1.0% ในปี 2025 ตามด้วยอีก 0.5% ในปี 2026 ทำให้ Terminal Rate อยู่ที่ประมาณ 2.9% โดยคุณ Powell กล่าวย้ำว่า ดอกเบี้ยจะไม่กลับไปสู่ระดับต่ำมากแบบที่เคยเกิดขึ้นอีก ดังเช่นช่วงที่เกิด Covid
- ตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน โดยปรับขึ้นหลังจากที่ Fed ประกาศลดดอกเบี้ย แต่หลังจากนั้นเกิดแรงขายทำกำไรช่วงท้ายตลาด ซึ่งมองว่าเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน เช่น การปรับขึ้นของ Bond Yield จากการ Sell On Fact และอาจมีการ Unwind Yen Carry Trade บางส่วนอีกด้วย
มุมมองต่อตลาดหุ้นในระยะต่อไป
- เรามองว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่โดยเฉพาะในฝั่งของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นต่อไปได้จาก
- 1) โลกเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงอย่างแท้จริง ความไม่แน่นอนว่า Fed จะลดดอกเบี้ยหรือไม่อย่างไร หมดไป
- 2) เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ โดยการขยายตัวของ GDP ที่ +2% นั้นถือว่าสูงกว่าการขยายตัวในระยะยาวตามที่ Fed ประมาณการ และการที่ดอกเบี้ยเป็นขาลงชัดเจน จะช่วยหนุนให้ภาวะ US Recession ไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
- 3) ผลกำไรของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นจากดอกเบี้ยขาลง นำไปสู่การปรับขึ้นของราคาหุ้นต่อไป
- ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เป็นขาลง ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ และภาวะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ปกติ เรามองว่าจะก่อให้เกิดการหมุนออกจากหุ้นกลุ่ม Value อย่างกลุ่มการเงิน มาลงทุนในหุ้นกลุ่ม Big Tech ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคาได้ย่อตัวลงมาบ้างแล้วกันอีกด้วย
คำแนะนำการลงทุน
- กองทุนตราสารทุน:
- ทยอยสะสม : ES-GCORE, ES-USTECH, ES-USBLUECHIP, SCBSEMI (A), ES-GER, ONE-EUROEQ, ES-INDAE ส่วน ES-GAINCOME และ UEV เน้นการลงทุนระยะยาว
- รอสะสมเมื่อย่อตัว : TSF-A, TISCOHD-A
- กองทุนตราสารหนี้:
- ทยอยสะสม : KT-CSBOND-A และ ES-GSBOND-A
- ถือครองการลงทุน รอจังหวะเข้าสะสม : ES-GF-A และ ES-GINCOME
Source: ttb Investment Product Strategist, Bloomberg, CNBC, Investing, Trading Economics, Yahoo Finance